วิธีการสารภาพรัก การบอกรักของแต่ละประเทศกัน

เปลี่ยนมาเข้าโหมดความรักกันอีกครั้ง ลองมาติดตามเรื่องราวโรแมนติกของประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เขาจะเป็นอย่างไงกันนะ กับวิธีการสารภาพรัก ที่หนุ่มสาวต้องไม่พลาด จากประเทศเหล่านี้ แต่ละวัฒนธรรมก็จะมีวิธีปฏิบัติต่อกันระหว่างคู่รักแตกต่างกันไป นี่เป็นประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้น “บางส่วน” เท่านั้น และก็ไม่ลืมที่จะต้องดูแลตัวเองและความเหมาะสมตามกาลเทศะด้วยนะคะ มาดู วิธีการสารภาพรัก ของแต่ละประเทศกัน

ประเทศญี่ปุ่น

หนึ่งในความเห็นจากเว็บไซต์ Yahoo! JAPAN บอกกับเราว่า “ฉันเคยสารภาพรักแค่ครั้งเดียวในชีวิต เราคบกันมาสามปีแล้ว ตอนนั้นก็แค่ส่งข้อความไป แล้วก็เดินกลับบ้านด้วยกัน บอกว่าจะรออยู่ตรงสวนใกล้ๆนะ พอเขามาถึงฉันก็บอกเขาตรงๆ ชอบนะ”
สำหรับคำว่า “ชอบ” ของญี่ปุ่น อาจจะแปลได้ทั้ง “ชอบ” และ “รัก” แต่ในการพูดคำนี้ จะต้องแบกรับความหมายว่า “รู้ไหมว่าฉันรักเธอมานานแค่ไหน ฉันเฝ้าคอยที่จะใช้ชีวิตร่วมกับเธอในอนาคตจนมีลูกหลานไปด้วยกันแล้วนะ” หรือบางที ก็อาจจะแค่ “ชอบเธอจริงๆ นะ” ก็ได้

อเมริกัน

คนอเมริกันทั่วๆ ไป เวลาเขาบอกรักกันก็แค่ “มาคบกันไหม” แค่นั้น แต่ก็มีบางเหตุการณ์อย่างถ้าผู้ชายบอกว่า “ไปเที่ยวกันไหม” พวกสาวๆ จะทำหน้ารังเกียจพร้อมกับบอกว่า “ไม่!!” โดยที่หนุ่มบางคนก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า เป็นไปได้ว่าในอเมริกาอาจจะมีวัฒนธรรมหลากหลาย ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับแต่ละคนมากกว่า

ฝรั่งเศส

ดินแดนแห่งรัก ชาวฝรั่งเศสจะใช้สถานการณ์เป็นตัวตัดสินว่ากำลังเดทกันอยู่หรือเปล่า ถ้าถามถึงเรื่องความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวปารีเซียงคู่หนึ่ง เธอก็ตอบว่า “ไม่รู้สิ” ถึงจะมีหลายๆ บทความบอกหนุ่มฝรั่งเศสค่อนข้างตรงก็ตาม แต่เขาก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพูดขอเป็นแฟนกันเป็นทางการขนาดนั้น

อิตาลี

ชาวอิตาลีแสดงออกอย่างสุดตัวว่ากำลังอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งรัก แววตาที่มองกันเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ดูน่าหลงใหล น่าอิจฉาชะมัด แต่ไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมจะกอดเอวระบำหรือจูบดูดดื่มต่อหน้าคุณนะคะ บางคู่ก็มีความรักเรียบๆ ง่าย แค่มองตาก็เข้าใจ สื่อความรู้สึกกันทางโทรจิตว่างั้น
แต่ก็เหมือนทุกๆ ที่ในโลก ที่บางคนก็ยังเขินๆ อยู่ แต่ชาวอิตาลี เมื่อรู้สึกว่ารักใครสักคน ก็อดไม่ได้ที่จะต้องบอกอีกฝั่งแทบจะทันที ใครไม่ชอบรอคอยเรื่องรักๆล่ะก็ หนุ่มอิตาลีนี่ตรงสเปคสุดแหละ!

สเปน

หนุ่มสเปนไม่ค่อยพูด แต่เขาจะแสดงออกให้คุณเห็นเองแหละว่า “อยากเดทกับคุณใจจะขาด” แต่เมื่อเดทกันปุ๊บเนี่ยเค้าจะมีปฏิกิริยาตอบกลับแทบกับทุกสิ่งอันกับคุณ บางทีหนุ่มสเปนอาจจะเก็บสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้กับคนที่เขาคิดแล้วว่ามีค่าพอ อืมม์ ไม่เลวๆ

บราซิล

ประสบการณ์ของสาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งที่เดทกับชาวบราซิล เธอเล่าว่า “กระทั่งจูบและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว เขายังไม่เคยพูดเลยว่าจะเดทกับฉัน ฉันก็เลยคิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่พอคุยกับคนอื่น เขาก็บอก ใช่ นี่แฟนเราเอง เออ นั่นสิ ถึงได้รู้ตัวว่า เราเดทกันอยู่นี่นะ”นอกจากนี้ ชาวบราซิลยังมีระดับความสัมพันธ์แบ่งเป็นสองขั้น เรียกว่า Ficar และ Namorar ชั้น Ficar คือ เจอกันทุกๆ วัน บ่อยๆ แต่อาจจะยังไม่ถึงแฟนกัน อาจจะมีจุ๊บกันบ้างอะไรบ้าง แต่ถ้าขั้น Namorar คือเรากับเขาพร้อมจะเป็นคู่ชีวิตกันไปตลอดแล้วนั่นเอง

ไทย

ส่วนใหญ่ หญิงและชายในไทยมักจะประสบกับความรักในแบบ “ข้างเดียว” หรือ “ฝ่ายเดียว” เสมอๆ และส่วนใหญ่ฝ่ายหญิงจะรอให้ฝ่ายชายเข้าหามากกว่า ดูเหมือนพวกเธอไม่อยากมีความรักแบบฉาบฉวย ใช่แล้ว ความเชื่อของสังคมไทยมองการเดทครอบคลุมไปถึงการแต่งงาน ดังนั้น ถ้าคุณเดทใครสักคน เตรียมโดนสอบประวัติไปถึงครอบครัวของคุณได้เลย

เกาหลีใต้

ไม่ต่างกับของไทยนัก เนื่องจากฝ่ายชายมักสารภาพรักกับฝ่ายหญิงก่อน และเธอยังมองว่า การตอบรับเดทในการชวนครั้งแรกจะถูกมองว่า “ง่าย” ไป ดังนั้น เธอจะขอปฏิเสธ เพื่อรอให้หนุ่มมาขอเดทกับเธออีกรอบ?ถ้าเธอไม่อยากเดทกับเขาจริงๆ ก็จะบอกว่า “ขอโทษทีค่ะ มีแฟนแล้ว” แต่ถ้าอยากเดทอยู่ ก็จะบอกว่า “แต่เราแค่ดูๆ กันอยู่นะ” แปลว่าไปเดทต่อกับคุณได้นะ นอกจากนี้ การนัดบอร์ดก็เป็นเรื่องปกติมากๆ สำหรับชาวเกาหลี แต่ก็ต้องระวังตัว

ไต้หวัน

สาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งเป็นโปรด้านการเดทหนุ่มไต้หวัน เธอบอกว่า โดนสารภาพรักและขอเดทบ่อยมากๆ บางทีต้องเขียนจดหมายแจ้งกลับ หรือโทรหา ทั้งๆ ที่ปฏิเสธเขาไปแล้วเป็นร้อยๆ ครั้งก็ตาม

นอกจากนี้เธอยังบอกว่าหนุ่มไต้หวันจะระมัดระวังเรื่องการถูกเนื้อต้องตัวเอามากๆ เขาจะระวังไม่ให้แตะตัวเธอมากจนเกินไป ทั้งๆ ที่เดทกันแล้วก็ตาม สำหรับเธอก็ไม่ได้อะไร แต่บางคนอาจมองว่าเขาห่างเหินรึเปล่านะ