Blog - หางาน - แคปชั่น - ดูดวง - ไลฟ์สไตล์ เข้าสู่ระบบ ฝากประวัติ
 
งานราชการ หางาน สมัครงาน ฝากประวัติ เข้าระบบ ค้นประวัติ ประกาศงาน อัตราค่าโฆษณา


บริษัทเข้าสู่ระบบ
Username : 
Password : 
ประเภท : 

ข้อมูลที่ปรากฎเป็น "สมาชิกเท่านั้น" ข้อมูลจะเปิดเผยเฉพาะสมาชิกเท่านั้น สำหรับสมาชิกต้องทำการ เข้าระบบ ก่อน หรือ
ต้องการสมัครสมาชิกกรุณาโทร 02-085-9900 , 088-676-5233 หรือ ดูวิธีการสมัครและอัตราค่าสมาชิกได้ที่นี่

เก็บประวัติไว้ในระบบ  |  พิมพ์

ข้อมูลส่วนตัว
  ปรับปรุงข้อมูลเมื่อ :   20 ตุลาคม 2556
  หางานครั้งสุดท้ายเมื่อ :   23 ตุลาคม 2556
  ชื่อ - นามสกุล :   สมาชิกเท่านั้น
  วันเกิด :   11 กรกฎาคม 2525
  อายุ :   43 ปี
  ส่วนสูง :   ส่วนสูง : 173 ซม. น้ำหนัก : 72 กิโลกรัม
  เพศ :   ชาย
  สถานะสมรส :   โสด
  สัญชาติ :   ไทย
  ศาสนา :   พุทธ
  สถานะภาพทางทหาร :   ผ่านการเกณฑ์ทหาร

ข้อมูลในการติดต่อ
  อีเมล์ :   สมาชิกเท่านั้น
  ที่อยู่ :  สมาชิกเท่านั้น
  จังหวัด :  ชัยภูมิ
  รหัสไปรษณีย์ :   สมาชิกเท่านั้น
  โทรศัพท์ :   สมาชิกเท่านั้น
  มือถือ :   สมาชิกเท่านั้น
  Fax :   สมาชิกเท่านั้น

ความพร้อมในการเริ่มงาน
  พร้อมทำงาน :   ยังไม่สามารถเริ่มงานได้ จะสามารถเริ่มงานได้ภายใน 3 วัน เหตุผล หาที่พัก
  สถานะการทำงาน :   ว่างงาน

ประวัติการศึกษา
  ปัจจุบัน :   จบการศึกษาแล้วในปี พศ. 2547
 1. การศึกษาสูงสุด
  ระดับการศึกษา :   ปริญญาตรี
  ชื่อสถานศึกษา :   ม.ราชภัฎนครราชสีมา
  วุฒิการศึกษา :   ปริญญาตรี
  สาขาวิชา :   ภาษาอังกฤษ (คบ.)
  เกรดเฉลี่ย (GPA.) :   3.26
 2 การศึกษาก่อนหน้า
  ระดับการศึกษา :   มัธยมศึกษาต้น-ปลาย
  ชื่อสถานศึกษา :   โรงเรียนแก้งคร้อวิทยา
  วุฒิการศึกษา :   ม.6
  สาขาวิชา :   วิทย์-คณิตย์
  เกรดเฉลี่ย (GPA.) :   2.97

ตำแหน่งงานที่ท่านสนใจ
สาขาวิชาที่ได้ศึกษามา :   ครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์
  ประเภทงานที่สนใจ :   1. นักข่าว/บรรณาธิการ/นักเขียน/แปลภาษา
  2. บุคคล/ฝึกอบรม
  ตำแหน่งงานที่สนใจ :   1. นักเขียน
  2. creative
  3. บรรณาธิการ
  ลักษณะงานที่ต้องการ :     งานประจำ (Full Time)
  งานอิสระ (Freelance)
  ระดับเงินเดือนที่ต้องการ :   14000 บาท

ประวัติการฝึกอบรม
  1. ประวัติการฝึกอบรม
  เริ่มจาก :   สิงหาคม 2545  ถึง สิงหาคม 2545
  สถาบัน :   สถาบันราชภัฎนครราชสีมา
  หลักสูตร :   การเขียนวรรณกรรมเยาวชน (Children's Litterature)
  2. ประวัติการฝึกอบรม
  เริ่มจาก :   พฤษภาคม 2546  ถึง พฤษภาคม 2546
  สถาบัน :   สถาบันราชภัฎนครราชสีมา
  หลักสูตร :   ฉันจะเป็นนักเขียน How to be writer

ความสามารถ
ความสามารถทางภาษา
  ภาษา พูด อ่าน เขียน
1. ภาษาไทย ดี ดี ดี
2. ภาษาอังกฤษ ดี ดี ดี
3. ลาว ดี พอใช้ พอใช้
ความสามารถอื่นๆ
  พิมพ์ดีด :   ภาษาไทย 46 คำ/นาที        ภาษาอังกฤษ 45 คำ/นาที
  ความสามารถในการขับขี่ :   รถยนต์ ,
  ยานพาหนะส่วนตัว :   รถยนต์ ,
  ความสามารถพิเศษอื่นๆ :   แต่งเพลง เล่นกีตาร์ เขียนบทละครเวที เคยเป็นตัวแทนโรงเรียนแข่งบาส ตอน ม.ต้น ม.ปลายเป็นตัวแทนแข่งฟุตบอล เพราะความคลั่งไคล้ฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก เชียร์ทีมชาติไทย ไม่ว่าจะเป็นกีฬาประเภทไหน

โครงการ / ผลงาน / เกียรติประวัติ / บุคคลอ้างอิง
  โครงการ/ผลงาน :   เรื่องแต่งล่าสุด

กระต่าย กับเต่า และเจ้าจิ้งจอก
ณ ท้องทุ่งอันกว้างใหญ่ไพศาล ที่ซึ่งมีสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันมีอะไรก็พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน โดยไม่มีแบ่งแยกสายพันธุ์ว่าฉันเป็นใครตัวใหญ่หรือตัวเล็ก ในบรรดาสัตว์เหล่านั้น ก็มีสัตว์สามตัว คือ เจ้าเต่า เจ้ากระต่ายและเจ้าจิ้งจอก เป็นเพื่อนรักกัน เจ้าเต่ากับเจ้ากระต่ายเป็นเพื่อนกันมาก่อน ก่อนที่จะมาเจอกับเจ้าจิ้งจอกอยู่มาวันหนึ่งขณะที่ทั้งสามกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน เจ้าจิ้งจอกก็อยากรู้อะไรบางอย่างขึ้นมาจึงเอ่ยปากถามเพื่อนทั้งสองไปว่า
“เจ้าเต่า เจ้ากระต่าย พวกนายรู้จักและสนิทกันได้อย่างไรกันช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยสิ?”
เจ้าเต่าได้ยินดังนั้นก็เลยตอบเพื่อนออกไป
“ก็เจ้ากระต่ายนี่สิ เรากำลังกินผักบุ้งอยู่ดีๆ ดันมาท้าเราวิ่งแข่ง รู้ทั้งรู้ว่าเราสู้ไม่ได้มันยังจะมาท้าเราอีก”
“แต่นายก็รับคำท้า ไม่ใช่รึไง”เจ้ากระต่ายสวนขึ้นมา
“จะไม่ให้รับได้ไง ในเมื่อนายมาท้าทายเราขนาดนี้ ณตอนนั้นเรื่องแพ้ชนะมันไม่สำคัญเท่าศักดิ์ศรีอยู่แล้ว แต่นายก็แพ้ไม่ใช่เหรอ หึหึ”เจ้าเต่าตอบพร้อมหัวเราะเยาะเย้าที่มุมปาก
“นายก็รู้ ที่เราแพ้น่ะฉันตั้งใจ ต่างหาก” เจ้ากระต่ายพูดบ้าง
“เดี๋ยวๆ เราเคยได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกัน มันน่าตกใจมากที่เป็นเรื่องของพวกนาย รู้ไหมว่าเรื่องนี้ดังมากเลยนะ เรื่องที่นายแพ้ให้กับเจ้าเต่าน่ะ แต่ที่เราได้ยินมา นายแพ้ให้เจ้าเต่าเพราะความประมาทไม่ใช่เหรอ นายวิ่งนำมาห่างมาก แต่ก่อนจะถึงเส้นชัยนายเลยนอนรอ แต่เผลอหลับ” เจ้าจิ้งจอกเล่าเรื่องราวที่เคยได้ยินมาให้เพื่อนทั้งสองฟัง
“ใช่ เราแพ้ให้กับเจ้าเต่าจริงแต่อย่างที่เราเคยบอกเมื่อครู่นี้ว่า เราตั้งใจแพ้” เจ้ากระต่ายพูดขึ้น ก่อนที่เจ้าเต่าจะเล่าเสริม
“เป็นเรื่องจริง ที่เรามารู้ภายหลังจากการแข่งไม่นานว่าเจ้ากระต่ายแกล้งแพ้เรา”
“เดี๋ยวก่อน เราเริ่มสับสนแล้ว ตกลงนายไปรู้ได้ไงว่า เจ้ากระต่ายแกล้งแพ้นาย” เจ้าจิ้งจอกแทรกขึ้นด้วยความสงสัย
“วันหนึ่ง ขณะที่เรากำลังลงไปว่ายน้ำเล่นในบึง เราก็ได้ยินเสียงคุยกันอยู่ข้างบ่อน้ำ เราจึงว่ายเข้าไปฟังใกล้ๆ จึงรู้ว่าเป็นเจ้ากระต่ายกำลังคุยกับเจ้าหอยทากเราเลยรู้ความจริง” เจ้าเต่าอธิบายให้เพื่อนฟัง แต่เจ้าจิ้งจอกยังไม่หายสงสัย และยังอยากรู้ต่อไปว่าเจ้ากระต่ายไปคุยอะไรกับเจ้าหอยทากจึงทำให้เจ้าเต่าเชื่อว่าเจ้ากระต่ายแกล้งแพ้ จึงหันไปถามเจ้ากระต่าย
“เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ นายไปพูดอะไรกับเจ้าหอยทากมันเหรอ?”
“วันนั้น เจ้าหอยทากมันมาท้าเราวิ่งแข่ง เราเลยคิดว่ามันจะเกินเลยไปหน่อย เลยหลุดปากเล่าเรื่องจริงให้ฟังว่า ที่เจ้าเต่าเอาชนะเราได้เป็นเพราะเราแกล้งแพ้ เราแพ้ในศักดิ์ศรีของเจ้าเต่าทั้งที่รู้ว่าตัวเองไม่มีทางชนะแต่ยังกล้ารับคำท้าเรา และเหนือสิ่งอื่นใด เราพ่ายแพ้ให้กับความพยายามของเจ้าเต่ามัน เจ้าเต่าไม่เคยมองดูดวงตะวันว่ามันผ่านไปนานแค่ไหน หน้ามองตรงไปที่เส้นชัยเท่านั้น แค่นี้ไม่เพียงพอหรือไรที่เจ้าเต่าจะเป็นผู้ชนะ”
“แล้วทำไมนายไม่บอกความจริงกับคนอื่นๆล่ะ ให้เราไปบอกให้ไหม?” เจ้าจิ้งจอกพูดขึ้นเพราะอยากช่วยเพื่อนที่กลายเป็นคนโง่หลังจากการแข็งขันเรื่อยมา แต่เจ้ากระต่ายก็ได้ห้ามไว้
“อย่าเลย เจ้าหอยทากมันก็พูดอย่างนี้เหมือนกันกับนาย แต่เราได้ขอร้องไว้ เพราะมันจะเป็นการดูถูกความพยายามของเจ้าเต่า เราถูกว่าแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก ความจริงแล้วเราก็โง่จริงๆนั่นแหละ ที่ไม่สามารถเอาชนะจิตใจที่ไม่ดีของเราได้ ก่อนที่จะมาท้าเจ้าเต่าเราได้ไปท้าแข่งกับสัตว์ตัวอื่น แต่สุดท้ายเราก็แพ้ วันนั้นเราคิดว่าเราต้องการสร้างกำลังใจให้ตัวเองโดยการเอาชนะสัตว์สักตัว แล้วก็ลงเอยที่เจ้าเต่า แต่สุดท้ายเราก็พ่ายแพ้อย่างราบคาบ เจ้าเต่าได้ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ควรหาความภูมิใจจากการทำลายผู้อื่น”เจ้ากระต่ายร่ายยาว แล้วหันหน้าไปยิ้มให้กับเจ้าเต่า
“ในวันที่เราได้รู้ความจริงนั้นเรายอมรับว่าค่อนข้างสับสนกับความคิดของตัวเอง ว่าจะโกรธเจ้ากระต่ายหรือเปล่า แต่เมื่อคิดดูดีๆ เจ้ากระต่ายมีเจตนาที่ดีมากกว่าเสีย เราเลยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตอนนั้น” เจ้าเต่าเล่าเสริม
“แหมๆๆๆ เราคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ตัดสินใจเป็นเพื่อนกับพวกนายทั้งสอง” เจ้าจิ้งจอกพูดขึ้นมาพร้อมกับตบบ่าของเพื่อนทั้งสอง แต่จู่ๆ เจ้าจิ้งจอกก็ผละออกจากเพื่อนๆ แหงนหน้ามองฟ้า มือไขว้หลังเดินวนไปมาอย่างช้าๆ คล้ายคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ และสุดท้ายมันก็เอ่ยขึ้นเบาๆ
“มันช่างแตกต่างจากตอนที่พวกนายมาเจอเรา จริงๆ...” เจ้าจิ้งจอกชะงักนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ในตอนนั้นก่อนที่จะมาเจอพวกนายเรายอมรับว่าเราไม่มีเพื่อนเลยสักคน เราอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด เราออกเดินทางมาเรื่อยๆเพื่อหาเพื่อน แต่เนื่องจากเรื่องเล่าต่างๆ ทำให้ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมกับเรา” เจ้าจิ้งจอกยังแหงนหน้าเหมือนบังคับน้ำตาไม่ให้ไหล
“อืมมมม .......” เพื่อนทั้งสองไม่รู้จะพูดอะไรต่อได้แต่เดินไปจับที่ไหล่ของเจ้าจิ้งจอก
“เรื่องเล่าหลายเรื่องนั้น ผิดเพี้ยนจากความจริงมาก อย่างเช่นเรื่องที่ว่าเราไปตามพังบ้านเพื่อที่จะจับเจ้าลูกหมูสามตัวกินเป็นอาหารนั้นทำให้เราดูเป็นคนโหดร้าย ไหนจะเรื่องหนูน้อยหมวกแดงอีก แค่สองเรื่องนี้เราก็ไม่มีที่ให้อยู่แล้ว” เจ้าจิ้งจอกเล่าแล้วเปลี่ยนจากแหงนหน้าหันมาก้มมองดิน
“พวกนายก็รู้ว่า เรื่องเจ้าลูกหมูสามตัวนั้น เราถูกขอร้องจากพ่อแม่ของเจ้าลูกหมูที่กำลังจะออกไปเผชิญโลกด้วยตัวพวกมันเองได้รู้ว่าการใช้ชีวิตลำพังต้องทำยังไง อย่างหมูตัวแรก กับ ตัวที่สอง สร้างบ้านไม่มั่นคงเราก็ทำให้รู้ว่ามันอยู่ไม่ได้ สุดท้ายพวกมันก็ได้เรียนรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดแต่ในขณะเดียวกันเรากลับกลายเป็นคนชั่วร้ายไปซะงั้นแม้กระทั่งในสายตาของพ่อแม่ของเจ้าลูกหมูทั้งสาม” เจ้าจิ้งจอกเล่าไปพร้อมกับถอนหายใจ
“เรื่องนี้นายเคยเล่าให้พวกเราฟังแล้วครั้งหนึ่ง ฟังอีกทีก็รู้สึกเห็นใจนายอีก แต่อย่ามีครั้งที่สามที่สี่เลยนะ ฮ่าฮ่า” เจ้าเต่าพูดล้อเพราะไม่อยากให้เพื่อนเศร้าเกินไป
“แต่ว่าเรื่องที่เกิดกับหนูน้อยหมวกแดงน่ะมันฟังดูเหมือนนายเป็นคนไม่ดีหนักขึ้นมาอีกไม่ใช่เหรอ?” เจ้ากระต่ายแทรกขึ้นมา เจ้าเต่าเลยต้องหยิกขาเจ้ากระต่ายเข้าให้ เพราะอุตสาห์ดึงอารมณ์ของเจ้าจิ้งจอกไม่ให้เศร้ามากแล้วแต่เจ้ากระต่ายยังดึงกลับไปอารมณ์เดิมได้อีก
“ใช่แล้ว เรื่องของหนูน้อยหมวกแดง มันทำให้เราต้องออกเดินทาง เพราะผู้คนเริ่มกลัวและรังเกียจเราเพิ่มมากขึ้น ทั้งที่เรื่องจริงคือ เราไม่ได้กินคุณย่าของเจ้าหนูหมวกแดงนั่น และไม่คิดจะกินเจ้าหนูนั่นเหมือนกัน เรารู้จักคุณย่าของเจ้าหนูนั่นมาก่อน เมื่อเราเห็นเจ้าหนูกำลังเดินทางมาที่บ้านคุณย่า เราเลยดีใจที่คุณย่าจะได้มีเพื่อนเสียทีเพราะแกอยู่คนเดียวมานานข้าเลยรีบวิ่งมาที่บ้านคุณย่า แต่พบว่าคุณย่าไม่สบายจึงรีบพาไปหาหมอ และย่าก็ได้ขอร้องให้เราไม่ให้บอกหลานกลัวหลานเป็นห่วง แต่เราไม่รู้จะทำอย่างไรไม่ให้เจ้าหนูหมวกแดงสงสัย เราจึงกลับมาบ้านปลอมเป็นคุณย่าแล้วเรื่องก็กลายเป็นอย่างที่พวกนายได้ยินมานั่นแหละ...เฮ้อ!!!” เจ้าจิ้งจอกร่ายยาวมากกว่าเดิม
“ในครั้งแรก พวกเรายอมรับว่าไม่ค่อยจะกล้าคุยกับนายเหมือนกัน เพราะข่าวที่ได้ยินมานั่นแหละ แต่พอเห็นแววตาเศร้าๆของนายทำให้พวกเรากล้าตัดสินใจ” เจ้าเต่าเปิดใจพูดกับเพื่อน
“บางทีที่เรื่องมันเป็นแบบนี้อาจเป็นเพราะการแสดงออกของนายที่ค่อนข้างชวนให้เข้าใจผิด ทั้งที่ความจริงนายหวังดีทุกการกระทำ” เจ้ากระต่ายพูดบ้าง
“เราจึงรักพวกนาย ยังไงล่ะ” เจ้าจิ้งจอกพูดพร้อมกับมองหน้าเพื่อนทั้งสองแล้วพูดต่อ “จะมีสักกี่คนที่จะมองสิ่งที่เห็นอย่างพินิจพิจารณา ไม่รีบตัดสินคนอื่นเพียงแค่ได้ยินเรื่องราวจากปากคนอื่น”
“ที่เราเป็นอย่างนี้เพราะประสบการณ์ทำให้เราเป็นนั่นแหละเราจึงไม่ตัดสินผู้อื่นแค่เรื่องที่เห็นหรือได้ยิน จนกว่าเราจะพิสูจน์ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริงใช่ไหมเจ้าเต่า” เจ้ากระต่ายพูดขณะหันไปมองที่เจ้าเต่า
“ใช่แล้วเพื่อน แต่เราก็ได้แต่ภาวนาว่าผู้อื่นจะเข้าใจสิ่งที่เราทำ ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือทำทุกสิ่งอย่างจริงใจ และซื่อตรงที่สุด แม้ว่าหลายคนจะไม่เข้าใจ แต่ถ้าหัวใจเราทำด้วยความบริสุทธิ์มันต้องมีสักคนล่ะที่เข้าใจ และคนๆนั้นก็จะกลายเป็นเพื่อนแท้เราตลอดไป เหมือนพวกเรานี่ไง” เจ้าเต่าลองพูดยาวๆบ้าง แล้วทั้งสามก็กอดเพื่อให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป



ปล. งานอื่นๆที่ https://www.facebook.com/#!/Rtitpratraiya/notes

Power By www.thaieasyjob.com

เก็บประวัติไว้ในระบบ  |  พิมพ์







© copyright 2004-2025 All right reserved. Contact us : webmaster@thaieasyjob.com | ข้อตกลงการใช้บริการ